รีวิว Boox Mira มอนิเตอร์ E Ink หน้าจอถนอมสายตา ที่ให้ความรู้สึกเหมือนมองกระดาษ
หากใครที่มกำลังมองหาจอมอนิเตอร์แบบถนอมสายตา เพื่อไว้ใช้ต่อกับคอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค แท๊ปเล็ท หรือมือถือ Boox Mira คือหนึ่งในตัวเลือกที่ดีสุดขณะนี้ ด้วยหน้าจอขนาด 13 นิ้วแบบพกพาได้ และเป็นจอชนิด E Ink ซึ่งไม่เปล่งแสงออกมาจากหน้าจอ ทำให้ได้ความรู้สึกเหมือนกับเรากำลังมองดูกระดาษ และไม่แสบตาเหมือนกับจอคอมพิวเตอร์ทั่วไป บทความชิ้นนี้เขียนขึ้นจากประสบการณ์ใช้งานจริง หลังจากผู้เขียนได้ลองใช้งาน Boox Mira มาหนึ่งเดือน
Boox Mira คืออะไร
Boox Mira คือมอนิเตอร์แบบ E Ink ผลิตโดย Onyx บริษัทเทคโนโลยีของจีนซึ่งได้สร้างผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ e-reader แบบหน้าจอ E Ink มาแล้วหลายรุ่น และหลายขนาดหน้าจอ เช่น Boox Nova, Boox Note, Max Lumi โดยในเดือนกันยายน ปี 2021 ทาง Onyx ได้เริ่มจัดจำหน่าย E Ink มอนิเตอร์ รุ่นแรกของทางบริษัท ซึ่งมีสองรุ่น คือ Boox Mira ที่มากับจอภาพขนาด 13.3 นิ้ว (ราคา $799.99 ไม่รวมค่าส่ง) กับ Boox Mira Pro ที่มาพร้อมกับจอภาพขนาด 25 นิ้ว
โดยรุ่นที่เราจะมารีวิวในบทความนี้คือ Boox Mira ขนาดหน้าจอ 13 นิ้ว โดยมีสเป็คคร่าวๆดังนี้
- ขนาดจอ 13.3 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอสูงสุด 2200×1650 pixel (207 PPI)
- Aspect Ratio 4:3
- หน้าจอทัชสกรีนแบบ Capacitive touch
- Support การเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรือมือถือด้วยสาย HDMI หรือ USB type-C เพียงเส้นเดียว (ถ้าอุปกรณ์ที่เราเชื่อมต่อนั้น support การเชื่อต่อแบบนี้)
- รองรับอุปกรณ์ที่รันบนระบบ Windows, Mac, Linux, Android และ iOS
- มีไฟในตัว (Warm and Cold) แบบปรับระดับได้ ทำให้สามารถดูหน้าจอในที่มืดหรือที่ๆแสงน้อยได้
- มีปุ่มให้กดเพื่อ refresh หน้าจอในกรณีที่เกิดภาพซ้อน
นอกจากนี้ยังมีฟังชั่นการใช้งาน 4 โหมด ซึ่งแต่ละโหมดจะเหมาะกับ use case ประเภทต่างๆดังนี้
- Normal mode (เหมาะกับการใช้งานทั่วๆไปเช่น ท่องเว็บ พิมพ์งาน เป็นโหมดที่ใช้บ่อยที่สุด)
- Text mode (เหมาะกับการพิมพ์งาน และงานที่ต้องการเน้นความคมชัดของตัวหนังสือเป็นหลัก โดยไม่สนใจรูปภาพ เวลาใช้โหมดนี้รูปภาพส่วนใหญ่จะแทบมองไม่ออกว่าเป็นรูปอะไร แต่ตัวหนังสือจะคมชัด)
- Video mode (เหมาะกับดูวีดีโอ ภาพเคลื่อนไหวหรือ Youtube)
- Slide mode (เหมาะกับดูรูปภาพและสใลด์พรีเซนต์เทชั่น ที่เป็นภาพนิ่ง ให้ภาพที่คมชัดทั้งตัวอักษรและรูปภาพโดยรวม แต่จะกระพริบถี่ถ้าดูภาพเคลื่อนไหว)
สำหรับใครที่เคยเห็นหน้าจอประเภท E Ink มาก่อนคงทราบดีว่าส่วนใหญ่จะทำเป็นแบบขาวดำ และก็ไม่เหมาะกับการดูวีดีโอ หรือภาพเคลื่อนไหว และบางคนก็คงคิดว่าในเมื่อเรามีจอมอนิเตอร์แบบ LCD/LED ที่มีสีสันสดใสอยู่แล้วทำไมต้องมาซื้อหน้าจอแบบขาวดำด้วย ทีนี้เราจะมาดูกันว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้เหมาะกับใครและควรใช้ในกรณีใดบ้าง เพราะว่า Boox Mira ค่อนข้างเป็นสินค้าที่เน้นเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มและไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน
Boox Mira เหมาะกับการใช้งานต่างๆเหล่านี้
- พิมพ์งานเอกสาร อีเมล์ หรือใช้โปรแกรมประเภท Microsoft Office
- โปรแกรมเมอร์ใช้เขียน code ภาษาต่างๆ
- อ่าน text book การ์ตูนมังงะ และ สใลด์พรีเซนเทชั่น Power Point (ที่ไม่เน้นภาพเคลื่อนไหว)
- ท่องเว็บไซต์ต่างๆ เพื่ออ่านข่าวสารบันเทิงและข้อมูลทั่วๆไป
- เล่นแอพที่เกี่ยวกับการศึกษา หรือวีดีโอเพื่อการศึกษา ที่ไม่ได้มีลูกเล่นภาพเคลื่อนไหวมากนัก
Boox Mira ไม่เหมาะกับการใช้งานในกรณีต่อไปนี้
- ดูวีดีโอเพื่อความบันเทิงเช่น youtube หรือเล่นไฟล์ภาพเคลื่อนไหว (เท่าที่ได้ทดสอบพอใช้งานได้ แต่ยังไม่สมบูรณ์ เพราะภาพยังไม่ค่อยคมชัดเวลาดูวีดีโอ และดูไม่ค่อยสบายตาเท่าไหร่)
- เล่นเกมส์
ข้อดี
- หน้าจอแบบ E Ink ให้อารมณ์เหมือนเราจ้องกระดาษ ไม่แสบตาเหมือนจอคอมพิวเตอร์ทั่วๆไปที่ใช้ LCD/LED
- พกพาง่าย ใช้ได้กับอุปกรณ์หลากหลายทั้ง มือถือ แท๊ปเล็ท คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค
- สามารถทัชสกรีนจากหน้าจอมอนิเตอร์ได้ (จากที่ทดสอบถ้าเราต่อมือถือเข้ากับ Boox Mira แล้วเราทัชที่หน้าจอของ Boox Mira ตรงนี้ค่อนข้างใช้งานได้ดี แต่ถ้าเป็น Windows หรือ Mac การทัชสกรีนยังไม่สมบูรณ์เท่าไหร่)
ข้อเสีย
- ราคาสูง แถมจอเป็นขาวดำไม่มีสี และเมื่อเทียบกับแท๊ปเล็ทอื่นๆ เช่น iPAD ซึ่งราคาไม่ได้ต่างกันนักแต่ใช้งานได้หลากหลายกว่า และสมบูรณ์กว่า
- ความคมชัดของจอยังไม่ถึงขีดสุด เมื่อเทียบกับ LCD/LED
- ถ้าต่อจอเข้ากับเครื่องคอม Windows หรือ Macbook เวลาลากเมาส์จะรู้สึกว่าเมาส์ดีเลย์เล็กน้อย (แต่ไม่เป็นปัญหามากนัก ถือว่าโดยรวมยังใช้งานได้ดี)
ใครที่สนใจสามารถลองชมวีดีโอสาธิตการใช้งานข้างล้างนี้ได้ โดยทางผู้เขียนได้ทดลองเข้าเว็บ ดูวีดีโอ Youtube และพิมพ์งาน
คลิปที่ 1 – ทดสอบต่อกับ Windows laptop
คลิปที่ 2 – ทดสอบต่อกับ Macbook Pro laptop
คลิปที่ 3 – ทดสอบต่อกับ Android Mobile Phone (HUAWEI P30 Pro)
หลังจากที่ผู้เขียนได้ทดลองใช้มาหนึ่งเดือน ก็ถือว่าค่อนข้างโอเคกับ Boox Mira พอสมควร และก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายเงินที่เสียไป ถึงแม้จะรู้สึกว่าราคาสูงไปหน่อย เพราะเราสามารถซื้อ iPAD หรือจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ระดับเทพๆได้เลย แต่เนื่องจากว่าเราต้องการใช้จอที่สบายตาเหมือนมองกระดาษ และไม่เปล่งแสงแบบจอ LCD/LED ฉะนั้นเมื่อมองประโยชน์ที่ได้รับแล้วถือว่าคุ้มค่าพอสมควร
สรุปแล้ว Boox Mira เหมาะกับใคร
- นักศึกษา และคนวัยทำงาน ที่ต้องอ่านตำรา หรือค้นคว้าความรู้จากเว็บไซท์ในอินเทอร์เน็ทบ่อยๆ
- คนที่ต้องอ่านไฟล์เอกสาร เช่น PDF หรือดูวีดีโอ พรีเซนท์เทชั่น เพื่อการศึกษา ที่ไม่ได้มีภาพเคลื่อนไหวเยอะ
- คนที่พิมพ์งานบ่อยๆ blogger หรือเขียนอีเมล์บ่อยๆ
- คนที่มีปัญหาตาแห้งเวลาจ้องจอคอมจากโน๊ตบุ๊ค หรือจอ LCD/LED
ณ.ปัจจุบันนี้ Boox Mira ยังไม่มีวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเมืองไทย ใครที่สนใจสามารถสั่งซื้อจากเว็บไซท์ของ Onyx ได้โดยตรง