การลงทุนการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

ตรวจสอบค่า PEG ของหุ้น

ปีเตอร์ ลินซ์ เซียนหุ้นบรรลือโลก ได้กล่าวไว้ว่า “ราคาหุ้นของบริษัทที่สมเหตุสมผลนั้น ค่า P/E Ratio จะต้องเท่ากับอัตราการเติบโตของกำไร” ซึ่งการจะตรวจสอบว่าราคาหุ้นที่เราซื้อว่าสมเหตุสมผลไหมเราจะใช้ PEG Ratio ในการช่วยกรองอีกขั้นหลังจากที่เราดูค่า P/E ไปแล้ว

ในบทความก่อนหน้านี้ทรางเราได้อธิบายเกี่ยวกับ P/E Ratio ไปแล้วว่าคืออะไร วันนี้เราจะมาดูเรื่อง PEG Ratio กัน

PEG Ratio คืออะไร?

PEG Ratio ย่อมาจาก Price Earnings to Growth Ratio มีสูตรง่ายๆในการหาคือนำ P/E Ratio (ราคาปิดต่อกำไรสุทธิ) มาหารกับ Annual EPS Growth (อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นประจำปี) ถ้าค่าที่ได้เท่ากับ 1 หุ้นนั้นเป็นหุ้นที่ราคาสมเหตุสมผล ถ้าได้น้อยกว่า 1 ถือเป็นหุ้นราคาถูกน่าสนใจ แต่ถ้าได้มากกว่าสองแสดงว่าหุ้นนั้นราคาแพงเกินไป หรืออาจะจะมีวิธีสังเกตง่ายๆอีกอย่างคือแค่ดูว่าค่า P/E เท่ากับหรือน้อยกว่า Annual EPS Growth ก็เป็นอันใช้ได้ครับ ถ้าน้อยกว่าครึ่งหนึ่งยิ่งดี ถ้ามากกว่าก็แสดงว่าหุ้นมีราคาแพง มาดูตัวอย่างข้างล่างกันดีกว่า

ตัวอย่าง

สมมุติว่า หุ้น A มี P/E เท่ากับ 20 และคาดว่าจะมีกำไรเติบโตเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างงี้เราจะได้ค่า PEG เท่ากับ 1 (20 หาร 20) ราคาหุ้นสมเหตุสมผล

หุ้น B มี P/E เท่ากับ 20 และคาดว่าจะมีกำไรเติบโตเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน ค่า PEG เท่ากับ 2 (20 หาร 10) อย่างงี้ราคาหุ้นแพง

หุ้น C มี P/E เท่ากับ 20 และคาดว่าจะมีกำไรเติบโตเพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับปีก่อน ค่า PEG เท่ากับ 0.5 (20 หาร 40) อย่างงี้แสดงว่าหุ้นราคาถูกมาก น่าสนใจ

บางคนอาจจะมีคำถามว่าแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่ากำไรจะเติบโตขึ้นเท่าไหร่ ขอแนะนำว่าให้ลองไปหาอ่านในบทวิเคราะห์ของโบร๊คเกอร์หลายๆสำนักเปรียบเทียบกันดู บางที่จะมีการทำนายกำไรในอนาคตไปถึงสองสามปีข้างหน้าด้วย หรือเราอาจจะใช้อัตราการเติบโตของกำไรเฉลี่ยย้อนหลังในอดีตหลายๆปีมาดูประกอบด้วยก็ได้ และเรายังสามารถติดตามจากข่าวสารจากการให้สัมภาษณ์ของผู้บริหารได้ด้วยว่าเค้าคาดประมาณการเติบโตของกำไรในปีล่าสุดไว้ที่กี่เปอร์เซ็นต์

การใช้ PEG Ratio ควรจะใช้กับหุ้นที่มีกำไรเติบโตสูงสม่ำเสมอ และอาจจะไม่เหมาะกับหุ้นที่การเติบโตน้อย หรือหุ้นที่กำไรผันผวน ที่สำคัญการดูค่า PEG Ratio ควรทำร่วมกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและคุณภาพของกิจการประกอบด้วย อย่างไรก็ตามในช่วงที่ตลาดเป็นกระทิงหรือเป็นขาขึ้นมายาวนานการจะหาหุ้นที่มีทั้ง P/E หรือ PEG ต่ำๆ ก็ไม่ง่ายนัก บางทีอาจจะต้องยอมซื้อแพงขึ้นบ้างโดยเฉพาะถ้าบริษัทที่มีกิจการเติบโตสูงหรือหุ้นของบริษัทที่เป็น Super Stock อยู่ในอุตสาหกรรมที่เติบโตมากๆ ซึ่งถ้าเราจะซื้อจริงๆ ก็ควรจะมีการบริหารจัดการเงินที่ดีด้วย และต้องแน่ใจว่าการเติบโตของกิจการนั้นจะไม่หมดไปในระยะเวลาอันสั้นแต่ยังคงดำรงอยู่ต่อไปอีกระยะหนึ่งซึ่งยาวนานพอที่จะให้เราได้ลงทุนทำกำไร

SLOWRICH

Slowrich ทุกเรื่องธุรกิจ สร้างอาชีพ การลงทุน

Related Articles

Back to top button

Adblock Detected

Please consider supporting us by disabling your ad blocker