คริปโตเคอเรนซี่บล็อกเชน

ทำความรู้จัก Bitcoin และ Cryptocurrency

เนื่องจากราคา Bitcoin ที่พุ่งสูงอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และมีข่าวออกมาว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกต่างเริ่มหันมาซื้อ Bitcoin เพื่อเก็บเข้าพอร์ทการลงทุนของบริษัท ทำให้เกิดกระแสนิยมและสนใจในการเทรด Bitcoin เพิ่มมากขึ้นทั้งในกลุ่มนักลงทุนรายย่อยและรายใหญ่ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่อยากมีอิสระภาพทางการเงินเร็วๆ วันนี้เราจะมาอธิบายคร่าวๆ ถึง Bitcoin และ Cryptocurrency ว่ามันคืออะไร มีความสำคัญและความเป็นมาอย่างไร

Cryptocurrency คืออะไร

Cryptocurrency (คริปโตเคอเรนซี่) คือสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทหนึ่งที่มีการเข้ารหัส ไม่สามารถจับต้องได้เหมือนสกุลเงินทั่วไปอย่าง Fiat Currency เช่น ธนบัตร หรือ เหรียญกษาปณ์ที่รัฐบาลของแต่ละประเทศได้ผลิตออกมา มีราคากลางในการซื้อขายผันแปรตามกลไกตลาด (demand & supply) สามารถทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเสมือนเงินจริงๆ โดยทำงานผ่านระบบ Blockchain (บล็อกเชน) ที่เป็นเทคโนโลยีกระจายศูนย์บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ท จึงเป็นระบบสกุลเงินแบบไร้ศูนย์กลาง ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของสถาบันการเงิน หรือรัฐบาลของประเทศใดๆในโลกนี้

Bitcoin คืออะไร

Bitcoin (บิทคอยน์) คือ Cryptocurrency หรือเงินดิจิทัลสกุลแรกของโลกที่ใช้งานบน Blockchain เปิดตัวเมื่อปี 2008 โดย Bitcoin ถูกสร้างขึ้นโดยบุคคลที่มีนามแฝงว่า Satoshi Nakamoto ซึ่ง ณ.ปัจจุบันก็ยังไม่มีใครรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของเค้าคือใคร หลังจากนั้นก็ได้มีการสร้างสกุลเงินดิจิทัลตามมาอีกมากมาย รวมๆแล้วนับหมื่นสกุลจากกลุ่มบุคคลและผู้พัฒนารายอื่นๆ จุดประสงค์หลักที่ Satoshi Nakamoto สร้าง Bitcoin ขึ้นมาก็เพื่อต้องการให้ประชาชนทั่วโลกได้ใช้สกุลเงินที่ไม่ต้องผ่านตัวกลาง สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความเป็นอิสระ ไม่ถูกควบคุมจากรัฐบาลกลาง และมีความปลอดภัย

เราสามารถทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Cryptocurrency เช่นการซื้อขาย หรือโอนเงินข้ามไปมาระหว่างประเทศได้อย่างรวดเร็วทันที (เนื่องจากเป็นดิจิทัลอย่างแท้จริง) โดยไม่ต้องใช้ตัวกลางเช่นธนาคาร หรือสถาบันการเงิน โดยที่มีค่าใช้จ่ายที่ต่ำมาก ก้าวข้ามขีดจำกัดของระบบการเงินหรือสินทรัพย์แบบดั้งเดิม เช่น ธนบัตร หรือทองคำ

Blockchain และความปลอดภัยในการจัดเก็บข้อมูลของ Cryptocurrency

Crytocurrency นั้นถูกจัดเก็บข้อมูลบนระบบ Blockchain และทำงานบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบ peer-to-peer ที่ใช้ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สในการควบคุมการทำงาน กล่าวคือเมื่อมีการทำธุรกรรมใดๆ เกิดขึ้น เช่นมีการโอนเงิน หรือรับเงินกันระหว่างต้นทางและปลายทาง ข้อมูลการทำธุรกรรมเหล่านี้จะถูกบันทึกไว้ในแต่ละ block ซึ่งเปรียบเสมือนข้อมูลบัญชีของเรา และกระจายไปเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง ของผู้เข้าร่วมตรวจสอบธุรกรรมในเครือข่ายสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดทั่วโลก จึงเป็นการยากที่ใครก็ตามจะสามารถทำการขโมย หรือลักลอบเปลี่ยนแปลงข้อมูลระหว่างทางได้ ซึ่งต่างจากบัญชีธนาคารของเราที่จะถูกเก็บอยู่แค่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ server ของธนาคารที่เราเปิดบัญชีไว้เท่านั้น จึงถือได้ว่าระบบการจัดเก็บข้อมูลของ Cryptocurrency นั้นมีความปลอดภัยสูงกว่า ซึ่งนับตั้งแต่เปิดตัว Bitcoin เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่เคยมีใครแฮก Bitcoin network ได้ เนื่องจากข้อมูลธุรกรรมการเงินไม่ได้ถูกเก็บอยู่ที่คอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียว ถ้าจะแฮกข้อมูล จะต้องทำการเจาระระบบคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายให้ได้อย่างน้อย 51% ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับผู้ที่จะคิดขโมยข้อมูล และระบบยังมีการเข้ารหัสที่ซับซ้อนมาก

Bitcoin ใข้แทนเงินสดได้ไหม

ปัจจุบันบริษัทต่างๆเริ่มมีการรับชำระเงินเป็น cryptocurrency เช่น Bitcoin กันมากขึ้น เช่น บริษัท Microsoft ที่รับ Bitcoin สำหรับ top up Microsoft Account และบริษัท Tesla ที่ได้ออกมาประกาศเมื่อเดือน มีนาคม 2021 ว่าทางบริษัทจะรับชำระเป็น Bitcoin ด้วยอีกทางเลือกหนึ่ง สำหรับผู้ที่ซื้อรถยนต์ Tesla ซึ่งก็ถือเป็นหลักประกันอย่างดีว่าสกุลเงินดิจิทัลตัวนี้น่าจะเป็นสกุลเงินหลักที่จะยังใช้ต่อไปในอนาคต

การเก็งกำไรซื้อขาย Crytocurrency

นอกจากนี้มีผู้นิยมทำการซื้อขาย Cryptocurrency เพื่อเน้นทำกำไรจากส่วนต่างราคาเป็นหลัก โดยอาจใช้กลยุทธ์การซื้อขายทั้งแบบระยะสั้น หรือระยะยาว ตามสใตล์ของนักลงทุนแต่ละคน (ซึ่งส่วนใหญ่น่าจะเป็นนักเก็งกำไรมากกว่า) ซึ่งต้องติดตามข่าวสารที่เกี่ยวข้อง นโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศยักษ์ใหญ่ต่างๆ รวมถึงอาจใช้การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิคร่วมด้วย โดยในเมืองไทยเรานั้นถือได้ว่าโชคดี ที่เรามีผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) ซึ่งรับรองโดย กลต. ทำให้เราคนไทยสามารถทำการซื้อขาย Cryptocurrency ได้โดยมีกฎหมายคุ้มครอง เช่น Bitkub, Zipmex และ Satang Pro ส่วน Cryptocurrency ที่กำลังเป็นที่นิยมซื้อขายในเมืองไทย ณ.ปัจจุบัน เช่น Bitcoin (BTC) และ Altcoins เช่น Ethereum (ETH), Ripple (XRP), Dogecoin (DOGE) โดย Cryptocurrency ที่ไม่ใช่ Bitcoin เราจะเรียกว่า Altcoins (หรือเหรียญทางเลือก)โดยปกติแล้ว Altcoins จะมีการขึ้นลงของราคาที่หวือหวามากกว่า Bitcoin บางตัวราคาขึ้นหลายพันเปอร์เซ็นต์ภายในปีเดียวก็มี จึงเป็นที่ต้องตาต้องใจของบรรดานักเก็งกำไรขาซิ่งทั้งหลาย แต่การซื้อขาย Cryptocurrency นั้นจะต้องทำด้วยความระมัดระวัง และใช้งบลงทุนที่อยู่ในจำนวนที่เราพอรับได้ ถ้าเกิดการขาดทุน

ในช่วงที่ Cryptocurrency มีราคาที่กำลังร้อนแรงในช่วงนี้ก็ได้มีนักลงทุนระดับโลกหลายคนออกมาเตือน รวมถึงให้ความเห็นทั้งในแง่บวกและแง่ลบ เช่น Warren Buffett ได้ออกมาเตือนว่า Bitcoin และ Cryptocurrency อื่นๆ นั้น เป็นการเก็งกำไรที่ไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับและในที่สุดมันน่าจะจบลงแบบไม่สวยงามนัก เพียงแต่ว่าไม่รู้มันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ส่วนทาง Elon Musk เป็นผู้ซึ่งมอง Cryptocurrency ในแง่บวก และได้ทำการซื้อ Bitcoin กับ Dogecoin ก็มักจะออกมาให้ความเห็นในทางที่เป็นบวกเสมอกับเหรียญดิจิทัลเหล่านี้ จนถึงกับทำให้ราคาพุ่งขึ้นมาได้หลังจากที่เขาได้ให้ความเห็นในทางสื่อสังคมออนไลน์

SLOWRICH

Slowrich ทุกเรื่องธุรกิจ สร้างอาชีพ การลงทุน

Related Articles

Back to top button

Adblock Detected

Please consider supporting us by disabling your ad blocker