แม้ว่าเราจะกำลังอยู่ในช่วงวิกฤต COVID-19 แต่ตลาดหุ้นไทยก็ยังสามารถไต่ขึ้นมาทะลุเหนือ 1600 จุดได้ และแม้จะเผชิญแรงขายจากต่างชาติอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยแรงซื้อจากนักลงทุนรายย่อยในประเทศที่ยังมีเงินสำรองและสภาพคล่องอยู่มาก จึงสามารถพยุงดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไว้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อดูจากค่า PE Ratio ของ SET ซึ่ง ณ.ปัจจุบันอยู่ที่ 30 เท่าเศษ นับว่าเป็นค่า PE ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยมาก จึงถือได้ว่าตลาดหุ้นไทยโดยรวมมีราคาแพง อีกทั้งเศรษฐกิจไทยก็โดนผลกระทบจาก COVID-19
รูปข้างล่างนี้แสดงค่า PE Ratio ของ SET ตั้งแต่เริ่มเปิดตลาดเมื่อปี 2518 ถึงสิ้นเดือน พ.ค. 2564 สังเกตได้ว่า ไม่มีปีไหนเลยที่ค่า PE ขึ้นมา 30 เท่าแบบปี 2564 นี้ แม้แต่ช่วงตลาดขาขึ้นก่อนวิกฤตต้มยำกุ้งที่ราคาหุ้นแพงทั้งตลาดก็ยังเทรดกันที่ PE เฉลี่ยราวๆ 20 เท่า
เรามาดูค่าสถิติค่าเฉลี่ยที่น่าสนใจกัน
ค่าเฉลี่ย PE ของ SET ตั้งแต่เปิดตลาดหลักทรัพย์ไทยปี 2518 ถึง พ.ค. 2564 คือ 14 เท่า
ค่าเฉลี่ย PE ของ SET รอบ 20 ปี คือ 16 เท่า
ค่าเฉลี่ย PE ของ SET รอบ 10 ปี คือ 20 เท่า
จากข้อมูลค่าเฉลี่ย PE ด้านบน จะพบว่าค่า PE ปัจจุบันก็ยังแพงกว่าค่าเฉลี่ยรอบสิบปี ทำให้เราต้องระมัดระวังกับการซื้อขายหุ้นในช่วงนี้ซักหน่อย หากว่าสถานการณ์ COVID-19 ยืดเยื้อกว่าที่คิด ก็อาจจะส่งผลกระทบกับบริษัทจดทะเบียนค่อนข้างยาวนาน ฉะนั้นควรจะเลือกซื้อหุ้นที่เรามั่นใจได้ว่ายังคงทำกำไรได้ดี ไม่โดนผลกระทบจาก COVID-19 มากนัก และมีค่า PE ของหุ้นต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด หรือค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม รวมถึงติดตามบทวิเคราะห์จากโบร๊คเกอร์หลายๆสำนักว่าคาดการณ์กำไรของบริษัทไว้เช่นไรในปีนี้ และมีความแข็งแกร่งในระยะยาวหรือไม่ หรืออาจจะมองหาหุ้นมีให้ปันผลสูงๆแทน ก็จะลดความเสี่ยงลงได้ ซึ่งที่จริงแล้วต่อให้ไม่มีสถานการณ์ COVID-19 เศรษฐกิจของไทยก็ค่อนข้างซบเซามาระยะหนึ่งแล้ว (ในขณะที่ดัชนีหุ้นต่างประเทศทำ new high) จึงทำให้เฟ้นหาหุ้นได้ยากขึ้นกว่าปีก่อนๆมากนัก
- คุณสามารถดู PE ของตลาดได้ที่เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ คลิ๊กที่นี่
- ดูค่า PE ของรายกลุ่มอุตสาหกรรมคลิ๊กที่นี่
- ส่วนใครต้องการเข้าใจความหมายของ PE Ratio สามารถคลิ๊กที่นี่เพื่ออ่านคำอธิบายเพิ่มเติม
